ปลกล็อคสถานที่ ที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิเพิ่ม! รวม 10 ที่เที่ยวในยามานาชิ รับรองว่าทริปนี้ฟินไม่ลืม!

Catalog
- 1. โคชู ยูเมะโคจิ (Koshu Yume Koji)
- 2. ศาลเจ้าทาเคดะ (Takeda Shrine)
- 3. โชเซ็นเคียว (Shosenkyo Gorge)
- 4. สะพานซารุฮาชิ (Saruhashi Bridge)
- 5. คิโยซาโตะ เทอเรซ (Kiyosato Terrace)
- 6. หุบเขานิชิซาวะ (Nishizawa Gorge)
- 7. ถ้ำลมฟุกาคุ และ ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Fugaku Wind Cave & Narusawa Ice Cave)
- 8. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)
- 9. ทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako)
- 10. โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
เมื่อพูดถึงจังหวัดยามานาชิทีไร ทุกคนก็มักจะนึกถึงภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการกับทะเลสาบคาวากุจิโกะกันใช่ไหมล่ะ? แต่จริงๆ แล้ว ดินแดนแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ที่ผสมผสานทั้งธรรมชาติอันงดงาม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมอยู่อีกเพียบเลย ตั้งแต่การเดินเล่นชิลๆ ในย่านเมืองเก่าสุดคลาสสิก ไปจนถึงที่ราบสูงที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้ในมุมกว้าง แล้วก็ยังมีหุบเขาและทะเลสาบลึกลับที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลอีกด้วย ขอบอกเลยว่าเสน่ห์ของยามานาชิน่ะ มีมากกว่าที่คุณคิด!
และบทความนี้ได้คัดเลือก “10 สถานที่ท่องเที่ยวของยามานาชิ” มาให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นการมาเที่ยวครั้งแรก หรือวางแผนจะมาเที่ยวอีกครั้ง รับรองว่าจะต้องเจอกับแรงบันดาลใจในการเดินทางไปยามานาชิในแบบของตัวเองแน่นอน!
1. โคชู ยูเมะโคจิ (Koshu Yume Koji)
“โคชู ยูเมะโคจิ” ตั้งอยู่ห่างจากทางออกทิศเหนือของสถานีโคฟุ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาที ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งสไตล์ย้อนยุคที่จำลองบรรยากาศเมืองรอบปราสาทโคฟุในสมัยเมจิถึงต้นโชวะเอาไว้ได้อย่างมีเสน่ห์ ภายในบริเวณเต็มไปด้วยร้านค้าที่ดัดแปลงมาจากบ้านโบราณและอาคารโกดัง ผสมผสานกันอย่างลงตัว มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของยามานาชิ ร้านขายงานฝีมือแบบดั้งเดิม แกลเลอรี่ศิลปะ และห้องเก็บไวน์ ทำให้คุณได้สัมผัสกับเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของยามานาชิได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว
ถนนหินที่คดเคี้ยวไปมา และยังมีการจำลอง “หอนาฬิกาแห่งโคฟุ (Kofu Toki no Kane)” ที่เคยใช้บอกเวลานานกว่า 200 ปี ก่อนจะถูกรื้อถอนไปในสมัยเมจิตอนต้น ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปเดินเล่นในเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสมัยเอโดะ เมื่อเดินเล่นอยู่ที่นี่ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบรรยากาศในงานเขียนของนักประพันธ์ชื่อดังอย่าง ดาไซ โอซามุ และ อิบุเซะ มาซึจิ ผู้ซึ่งเคยหลงรักสถานที่แห่งนี้ ให้เราได้ดื่มด่ำไปกับบทกวีและประวัติศาสตร์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวบนถนนสายนี้
■ ที่อยู่: 1-1-25 Marunouchi, Kofu City, Yamanashi Prefecture (山梨県甲府市丸の内1丁目1-25)
■ เวลาทำการ: ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า
■ ค่าเข้าชม: ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
2. ศาลเจ้าทาเคดะ (Takeda Shrine)
ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในปีไทโชที่ 8 (ค.ศ. 1919) เพื่ออุทิศให้กับ “ทาเคดะ ชินเก็น” ขุนศึกชื่อดังในยุคเซ็นโกคุ ตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของ “คฤหาสน์สึสึจิกาซากิ (Tsutsujigasaki Yakata)” ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของตระกูลไคทาเคดะถึงสามรุ่น ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ส่วนภายในบริเวณศาลเจ้ายังคงหลงเหลือร่องรอยของป้อมปราการดินและคูน้ำในสมัยนั้น ทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของยุคเซ็นโกคุได้อย่างชัดเจน และบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดที่ได้รับการบริจาคมาจากทั่วทั้งจังหวัดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งศาลเจ้า ทำให้ความงดงามของธรรมชาติที่ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนั้นน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิเหมาะสำหรับชมซากุระ และฤดูใบไม้ร่วงสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสี ศาลเจ้าทาเคดะยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ “จุดเสริมพลังแห่งชัยชนะ” ไม่เพียงแต่จะนำโชคด้านชัยชนะมาให้เท่านั้น แต่ยังเชื่อกันว่ามีพลังลึกลับที่ช่วยให้ “เอาชนะอุปสรรคในชีวิตและเอาชนะตนเอง” ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ภายในศาลเจ้ายังมีต้นสนสามใบที่หายาก หากเก็บใบสนที่ร่วงหล่นลงมาพกติดตัวไว้ เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมดวงด้านการเงินอีกด้วยนะ
นอกจากนี้ “หอสมบัติ (Homotsuden)” ที่ตั้งอยู่ทางด้านขวาของอาคารสักการะก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่าที่สืบทอดกันมาในตระกูลทาเคดะ เช่น ชุดเกราะและดาบซามูไร ทำให้เราได้รับรู้ประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองที่ตระกูลทาเคดะได้สร้างขึ้นด้วยตาของตัวเอง
■ ที่อยู่: 2611 Kofuchu-machi, Kofu City, Yamanashi Prefecture (山梨県甲府市古府中町2611)
■ เวลาทำการ: 9:00~16:00 หอสมบัติ 9:30〜16:00 ※หอสมบัติปิดทำการทุกวันพุธ
■ ค่าเข้าชม: ค่าเข้าชมหอสมบัติ ผู้ใหญ่ (มัธยมปลายขึ้นไป) 300 เยน, เด็ก (ประถม-มัธยมต้น) 150 เยน
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
3. โชเซ็นเคียว (Shosenkyo Gorge)
โชเซ็นเคียวเป็นแหล่งทัศนียภาพอันงดงามที่เกิดจากการกัดเซาะของหินแกรนิตขนาดใหญ่และธารน้ำใสเป็นระยะเวลานานหลายปี ที่นี่มี “น้ำตกเซ็นกะ (Senga Falls)” ซึ่งมีความสูงถึง 30 เมตร และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “100 น้ำตกงามของญี่ปุ่น” นอกจากนี้ยังมี “ยอดเขาคาคุเอ็นโฮ (Kakuenho Peak)” และประตูหินรูปโค้งที่เกิดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติ ภูมิประเทศที่หลากหลายและทิวทัศน์อันงดงามทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทัศนียภาพหุบเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น” เลยทีเดียว
คุณสามารถเลือกเดินเล่นบนเส้นทางเดินป่าประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือจะนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิวประมาณ 5 นาทีก็ได้ การได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่จากมุมมองที่แตกต่างกันไป ถือเป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลที่สุดของโชเซ็นเคียวเลยล่ะ
■ ที่อยู่: Takanarimachi, Kofu City, Yamanashi Prefecture (山梨県甲府市高成町)
■ เวลาทำการ: เปิดตลอดวัน
■ ค่าเข้าชม: ไม่มี
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
4. สะพานซารุฮาชิ (Saruhashi Bridge)
สะพานซารุฮาชิเป็นหนึ่งในสามสะพานที่แปลกที่สุดของญี่ปุ่น มีความยาว 30.9 เมตร กว้าง 3.3 เมตร และสูง 31 เมตร จุดเด่นของสะพานนี้คือไม่มีเสาค้ำตรงกลาง แต่ใช้คานไม้ที่ยื่นออกมาจากสองฝั่งรองรับถึงสี่ชั้น เป็นโครงสร้างสะพานที่หาชมได้ยาก และสะพานแห่งนี้กลืนตัวเข้ากับทัศนียภาพธรรมชาติโดยรอบได้อย่างกลมกลืน ก่อเกิดเป็นภาพที่สวยงาม ทั้งยังเคยปรากฏในภาพพิมพ์อุกิโยะเอะ “โคโยซารุฮาชิโนะซึ (Koyo Saruhashi no Zu)” ของอุตะงาวะ ฮิโรชิเงะ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางธรรมชาติของชาติอีกด้วย
ทุกๆ ฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ล ต้นเคยากิ และต้นแปะก๊วย จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหลืองสดใส ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยือน ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอย่างสูง บริเวณโดยรอบยังมีถนนคนเดินที่จัดเตรียมไว้อย่างดี ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับความงามของสี่ฤดู ทั้งช่วงต้นฤดูร้อนที่เขียวชอุ่ม และช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
■ ที่อยู่: Saruhashi-machi Saruhashi, Otsuki City, Yamanashi Prefecture (山梨縣大月市猿橋町猿橋)
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้อิสระ
■ ค่าเข้าชม: ไม่มี
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
5. คิโยซาโตะ เทอเรซ (Kiyosato Terrace)
คิโยซาโตะ เทอเรซ (清里テラス) ตั้งอยู่ใน “ซันเมโดวส์ คิโยซาโตะ (Sun Meadows Kiyosato)” รีสอร์ทบนที่ราบสูงเชิงเขายัตสึดะทาเกะ (Yatsugatake Mountains) เพียงนั่งกระเช้าพาโนรามาขึ้นไปยังที่สูงประมาณ 1,900 เมตร ก็จะถึง เมื่อยืนอยู่บนระเบียงที่มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบไม่มีอะไรบดบัง คุณจะเห็นภูเขาไฟฟูจิ เทือกเขาแอลป์ใต้ แอ่งโคฟุ และท้องฟ้าสีครามที่กว้างไกล ทัศนียภาพอันงดงามน่าทึ่งนี้จะโอบล้อมคุณไว้ มอบความรู้สึกที่อิสระและปลอดโปร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยล่ะ
คิโยซาโตะ เทอเรซ มีคาเฟ่ให้บริการอยู่ด้วย ทั้งขนมหวาน สมูทตี้ ไวน์โคชู เครื่องดื่มและอาหารอื่นๆ ที่คัดสรรมาอย่างดี นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักจะนั่งบนโซฟาที่นุ่มสบาย พลางลิ้มรสอาหารอร่อย พร้อมชมวิวอันสวยงาม และพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเพื่อนหรือคนรัก เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือที่นี่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ด้วย จึงเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มคนรักสุนัขเป็นอย่างมาก
■ ที่อยู่: 8240-1 Oizumi-cho Nishiide, Hokuto City, Yamanashi Prefecture (山梨県北杜市大泉町西井出8240-1)
■ เวลาทำการ: 9:00~16:30 (รอบสุดท้าย 16:00)
■ ค่าเข้าชม: แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา โปรดตรวจสอบที่ เว็บไซต์ทางการ
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
6. หุบเขานิชิซาวะ (Nishizawa Gorge)
หุบเขานิชิซาวะตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค(Chichibu Tama Kai National Park) เป็นหุบเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของหินแกรนิตขนาดใหญ่เป็นเวลานานหลายปี และยังได้รับนามว่าเป็น “ดินแดนลี้ลับสุดท้ายแห่งโอคุจิจิบุ (Oku-Chichibu)” และยังคงรักษาความงามของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ไว้อย่างดี และทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ก็คือ น้ำตกนั้นเอง ซึ่งน้ำตกของที่นี่ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “100 น้ำตกงามของญี่ปุ่น” เช่น “น้ำตกนานะสึคามะโกะดัน (Nanatsugama Godan Falls)” “น้ำตกริวจิน (Ryujin Falls)” และ “น้ำตกซันจู (Sanju Falls)” ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีรูปร่างแตกต่างกัน สานต่อกลายเป็นทัศนียภาพหุบเขาที่งดงามน่าทึ่ง
ภายในอุทยานจะมีเส้นทางเดินป่าระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร และจะใช้เวลาเดินประมาณ 5.5 ชั่วโมงสำหรับหนึ่งรอบ ตลอดทางเต็มไปด้วยความสวยงามน่ารื่นรมย์ของธรรมชาติ ทำให้นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ทุกๆ ช่วงต้นฤดูร้อนที่ดอกกุหลาบพันปีบานสะพรั่งและใบไม้ผลิใหม่ รวมถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี จะดึงดูดนักเดินป่าจำนวนมากให้มาเยี่ยมชม นอกจากนี้ หุบเขานิชิซาวะยังเป็น “ฐานการบำบัดด้วยป่าไม้ (Forest Therapy Base)” ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ และยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “100 ป่าต้นน้ำ”, “100 แหล่งน้ำเลื่องชื่อยุคเฮเซ” และยังได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นหนึ่งในแหล่งทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย
■ ที่อยู่: Mitomi Kawaurayama, Yamanashi City, Yamanashi Prefecture (山梨県山梨市三富川浦)
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้อิสระ
■ ค่าเข้าชม: ไม่มี
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
7. ถ้ำลมฟุกาคุ และ ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Fugaku Wind Cave & Narusawa Ice Cave)
“ถ้ำลมฟุกาคุ (Fugaku Wind Cave)” ที่รายล้อมไปด้วยป่าอาโอกิงาฮาระ (Aokigahara Jukai) มีความยาวทั้งหมด 201 เมตร และสูง 8.7 เมตร ในฤดูร้อน อุณหภูมิภายในถ้ำก็ยังคงอยู่ที่ประมาณ 3 องศาเซลเซียส ทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็นตู้เย็นธรรมชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับช่วงหน้าร้อน
ภายในถ้ำสามารถมองเห็นเสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ เพดานหินลาวา และหินลาวาเชือก ซึ่งเป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าตื่นตาตื่นใจ ส่วน “ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ (Narusawa Ice Cave)” ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นถ้ำลาวาในแนวตั้ง ที่ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 1,150 ปีก่อน จากการไหลของลาวาหลังการปะทุของภูเขาไฟนากาโอะ (Mt. Nagao) ซึ่งเป็นภูเขาไฟข้างเคียงของภูเขาไฟฟูจิ ถ้ำแห่งนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตลอดทั้งปีเช่นกัน เต็มไปด้วยบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา
■ ที่อยู่:【ถ้ำลมฟุกาคุ】2068-1 Saiko Aokigahara, Fujikawaguchiko-machi, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture (山梨県南都留郡富士河口湖町西湖青木ヶ原2068-1)
【ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ】8533 Narusawa-mura, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture (山梨県南都留郡鳴沢村8533)
■ เวลาทำการ: 9:00~16:30
■ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 350 เยน, เด็ก (ต่ำกว่าประถม) 200 เยน
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
8. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)
เมื่อพูดถึงภูเขาไฟฟูจิ หลายคนคงนึกถึงทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นอันดับแรกใช่มั้ยล่ะ ในฐานะหนึ่งในห้าทะเลสาบฟูจิ (Fuji Five Lakes) ทะเลสาบคาวากุจิโกะมีแนวชายฝั่งที่ยาวที่สุด ทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดตลอดทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน ใบเมเปิ้ลในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะในฤดูหนาว ทั้งหมดนี้ตัดกับภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงามลงตัว และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ “ฟูจิสะท้อนน้ำ (Sakasa Fuji)” ที่จะปรากฏให้เห็นเฉพาะในวันที่อากาศแจ่มใสและไม่มีลม ภาพภูเขาไฟฟูจินี้สะท้อนบนผิวน้ำงดงามชวนฝันจนน่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายฝั่งทิศเหนือของทะเลสาบเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม และในฤดูหนาวที่อากาศปลอดโปร่ง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมความงามของภูเขาไฟฟูจิและเงาสะท้อนในน้ำ
รอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีป่าไม้ (Kawaguchiko Music Forest Museum) อุโมงค์ใบเมเปิ้ล (Momiji Kairo) และสวนสาธารณะเท็นโจยามะ (Tenjoyama Park) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมซึ่งผสมผสานทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และความบันเทิงเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางคนเดียวหรือมาเที่ยวกับครอบครัว เมื่อมาที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะรับรองว่าจะได้รับความทรงจำดีๆ กลับไปเต็มอย่างแน่นอนค่ะ
■ ที่อยู่: Fujikawaguchiko-machi, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture (山梨県南都留郡富士河口湖町)
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้อิสระ
■ ค่าเข้าชม: ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
9. ทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako)
ทะเลสาบยามานากะโกะเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่สูงที่สุดในบรรดาห้าทะเลสาบฟูจิ โดยตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตร ทำให้มีอากาศเย็นสบายในฤดูร้อน จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับหน้าร้อน และในฐานะที่เป็นทะเลสาบที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด ที่นี่จึงสามารถชมทิวทัศน์ภูเขาไฟฟูจิที่งดงามได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปรากฏการณ์ “ไดมอนด์ฟูจิ (Diamond Fuji)” ที่เกิดขึ้นเพียงปีละสองครั้งเท่านั้น เมื่อดวงอาทิตย์ซ้อนทับกับยอดภูเขาไฟฟูจิ จะเปล่งประกายราวกับเพชร เป็นช่วงเวลาแห่งความฝันที่ช่างภาพไม่ควรพลาดเลยนะ
และที่สวนสาธารณะริมน้ำนางาอิเคะ (Nagaike Shinsui Park) ทางฝั่งทิศเหนือ จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภูเขาไฟฟูจิได้ในมุมกว้าง ส่วนที่สวนสาธารณะริมทะเลสาบอาซาฮิกาโอกะ (Asahigaoka Lakeside Green Park) ก็สามารถชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไฮเดรนเยียในฤดูร้อน และใบเมเปิ้ลในฤดูใบไม้ร่วงได้ ทำให้ที่นี่เป็นจุดยอดเยี่ยมในการสัมผัสเสน่ห์ของทั้งภูเขาไฟฟูจิและธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน
■ ที่อยู่: Hirano vicinity, Yamanakako-mura, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture (山梨県南都留郡山中湖村平野付近)
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้อิสระ
■ ค่าเข้าชม: ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
10. โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
โอชิโนะ ฮักไก เป็นกลุ่มบ่อน้ำพุ 8 แห่งที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านโอชิโนะ จังหวัดยามานาชิ ประกอบด้วย บ่อโอกามะ (Okama Pond) บ่อวาคุ (Waku Pond) บ่อคากามิ (Kagami Pond) บ่อนิโกริ (Nigori Pond) และอื่นๆ เดิมทีที่นี่เป็นกลุ่มน้ำพุที่หลงเหลืออยู่หลังจากทะเลสาบโอชิโนะโบราณแห้งหายไป แต่น้ำพุเหล่านี้กำเนิดมาจากน้ำใต้ดินของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเกิดจากหิมะละลายแล้วไหลซึมผ่านชั้นหินลาวาเป็นเวลาหลายสิบปี จนกลายเป็นน้ำที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาไฟฟูจิ”
ผิวน้ำในบ่อสะท้อนภาพทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ทั้งสวยงามและลึกลับ อีกทั้งยังทำให้รู้สึกถึงความบริสุทธิ์และความสงบของธรรมชาติ โอชิโนะ ฮักไก ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำคัญของผู้แสวงบุญที่นับถือภูเขาไฟฟูจิเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยแนวคิดทางพุทธศาสนาและตำนานทางประวัติศาสตร์อยู่ด้วย เพราะเช่นนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติในปี 1934 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “100 แหล่งน้ำเลื่องชื่อของญี่ปุ่น” ในปี 1985 และในปี 2013 ยังได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบมรดกโลกของภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย
■ ที่อยู่: Shibokusa, Oshino-mura, Minamitsuru-gun, Yamanashi Prefecture (山梨県南都留郡忍野村忍草)
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้อิสระ
■ ค่าเข้าชม: ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
■ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ยามานาชิไม่ได้มีดีแค่ภูเขาไฟฟูจิเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีทิวทัศน์หุบเขาที่สวยงาม ทะเลสาบที่งดงามราวกับภาพวาด โบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ทุกๆ มุมของยามานาชิเต็มไปด้วยเรื่องราว และมีทิวทัศน์ที่ควรค่าแก่การหยุดพักเพื่อชื่นชมอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเที่ยวกับคนรัก ครอบครัว หรือการเดินทางคนเดียวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 10 แห่งนี้จะช่วยสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจให้กับการเดินทางไปยามานาชิของคุณได้อย่างแน่นอน ทริปหน้า เราลองเริ่มจากยามานาชิกันดูดีมั้ย!