ฉลอง 35 ปี CLAMP! เจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จและผลงานอมตะของกลุ่มนักวาดการ์ตูนระดับตำนาน

| By Git house Git house

ฉลอง 35 ปี CLAMP! เจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จและผลงานอมตะของกลุ่มนักวาดการ์ตูนระดับตำนาน

หากพูดถึงนักเขียนการ์ตูนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการอนิเมะและมังงะของญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ชื่อของ “CLAMP” จะต้องถูกพูดถึงอย่างแน่นอนค่ะ! ไม่ใช่แค่ลายเส้นที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และผลงานที่ออกมาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่พวกเธอยังสร้างสรรค์ผลงานหลากหลายแนว จนโด่งดังไปทั่วโลกและยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้บางคนอาจจะไม่เคยอ่านผลงานของ CLAMP มาก่อน แต่เชื่อว่าต้องเคยได้ยินชื่อ “ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์” หรือการ์ดของเธออย่างแน่นอน! และในปี 2024 นี้ ก็เป็นปีที่ CLAMP เดบิวต์ครบรอบ 35 ปีพอดี! พวกเธอมีความพิเศษอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ!

แนะนำ CLAMP

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ จะเป็นปีที่ 36 ของ “CLAMP” กลุ่มนักสร้างสรรค์ที่ประกอบด้วยนักเขียนการ์ตูนหญิง 4 คน ได้แก่ ซัตสึกิ อิการาชิ (Satsuki Igarashi), นานาเสะ โอคาวะ (Nanase Ohkawa), สึบากิ เนโกอิ (Tsubaki Nekoi) และโมโคนะ (Mokona) ค่ะ CLAMP เริ่มต้นจากการเป็นกลุ่มนักเขียนโดจินชิ (การ์ตูนทำมือ) ในแถบคันไซ ในช่วงแรกมีสมาชิก 7 คน และเคยมีมากถึง 11 คน แต่เมื่อสมาชิกบางคนแยกตัวออกไปทำงานอิสระ จำนวนสมาชิกจึงลดลงเหลือ 4 คนอย่างในปัจจุบัน

ในปี 1989 CLAMP ได้เดบิวต์ในวงการการ์ตูนอาชีพกับเรื่อง “ตำนานรักประกาศิต (RG VEDA)” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเทพปกรณัมอินเดีย ตีพิมพ์ในนิตยสาร “South” ของสำนักพิมพ์ Shinshokan และในปีเดียวกันก็ได้เริ่มตีพิมพ์ผลงานในนิตยสาร “Monthly WINGS” จนโด่งดังเป็นพลุแตก ด้วยชื่อเสียงที่มีมาตั้งแต่สมัยทำโดจินชิ ทำให้พวกเธอกลายเป็นนักเขียนที่ฮอตที่สุดของสำนักพิมพ์ ถึงขนาดมีคำกล่าวในตอนนั้นว่า “สำนักพิมพ์สร้างโกดังได้เพราะทาคางะ ยุน และสร้างตึกสำนักงานใหญ่ได้เพราะ CLAMP” เลยทีเดียวค่ะ

ส่วนที่มาของชื่อกลุ่ม CLAMP นั้น เกิดจากการที่โอคาวะและสมาชิกคนอื่นๆ มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับทาคางะ ยุน (Yuh Kōga) นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในสมัยนั้น ตอนที่สมัครเข้าร่วมงานโดจินชิที่ชื่อว่า “Doricomi” บูธส่วนตัวของทาคางะ ยุน ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังอยู่แล้วในขณะนั้น คือ “CLUB/Y/CLUB” ต้องการพื้นที่ 2 บูธ ทางผู้จัดงานจึงแนะนำว่าถ้าใช้ชื่อที่ขึ้นต้นด้วย “CL” เหมือนกันจะสะดวกกว่าในการจัดตำแหน่งบูธ โอคาวะและโมโคนะจึงได้ตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาอย่างเร่งด่วน สมาชิก CLAMP จึงรีบเปิดพจนานุกรมไล่หาคำที่ขึ้นต้นด้วย “CLA” และสุดท้ายก็เจอคำว่า “CLAMP” ซึ่งมีความหมายว่า “ที่หนีบ” หรือ “กองมันฝรั่ง” และได้ใช้เป็นชื่อกลุ่มชั่วคราว แต่ใครจะไปคิดว่าชื่อนี้จะถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน!

สิ่งที่ทำให้ CLAMP เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือการบริหารกลุ่มสร้างสรรค์ในรูปแบบองค์กร สมาชิกทั้ง 4 คนมีหน้าที่รับผิดชอบที่แตกต่างกันตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้ช่วย และยังสามารถรักษาคุณภาพของผลงานไว้ได้อีกด้วย เอกลักษณ์ของ CLAMP คือลายเส้นที่ละเอียดอ่อนและงดงาม เรื่องราวมักจะเริ่มต้นด้วยปริศนาและค่อยๆ คลายปมไปทีละนิด สำหรับการแบ่งหน้าที่ของทั้งสี่คนนั้น โดยหลักๆ แล้ว นานาเสะ โอคาวะ จะรับผิดชอบด้านบท การกำหนดวัสดุอุปกรณ์บางส่วน และการติดต่อกับบริษัทต่างๆ ซัตสึกิ อิการาชิ รับผิดชอบด้านการผลิต การออกแบบ และควบคุมต้นฉบับทั้งหมด โมโคนะรับผิดชอบด้านสตอรี่บอร์ดและการวาด และสึบากิ เนโกอิ รับผิดชอบด้านการวาด การแก้ไขขั้นสุดท้าย และตัวละครเวอร์ชันจิบิ (Q-version) ในกระบวนการสร้างสรรค์ จะใช้บทที่โอคาวะเสนอเป็นแกนหลักและกำหนดสไตล์ภาพรวมของผลงานนั้นๆ จากนั้นจะร่วมกันหารือเพื่อขยายเรื่องราวและสร้างตัวละครให้สมบูรณ์ และจะมีการปรับเปลี่ยนผู้รับผิดชอบการวาดหลักตามความเหมาะสมของแต่ละผลงานค่ะ

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

ด้วยรูปแบบการทำงานแบบแบ่งหน้าที่กัน ทำให้ CLAMP สามารถตีพิมพ์มังงะสองเรื่องพร้อมกันได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างเช่นเรื่อง “สึบาสะ สงครามเทพข้ามมิติ (Tsubasa: Reservoir Chronicle)” และ “xxxHOLiC” ที่เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2003 ทั้งสองเรื่องมีลายเส้นและเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน แต่สามารถตีพิมพ์ควบคู่กันไปได้ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปี 2009 (เรื่องสึบาสะจบในปี 2009) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมของ CLAMP ค่ะ

ผลงานของ CLAMP ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ์ตูนแนวโชโจะ (สำหรับผู้หญิง) เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงแนวโชเน็น (สำหรับผู้ชาย) และเซย์เน็น (สำหรับผู้ใหญ่) อีกด้วย พวกเธอยังลองใช้เทคนิคการวาดและเนื้อหาใหม่ๆ ในผลงานอยู่เสมอ อย่างเช่นเรื่อง “โตเกียว บาบิโลน (Tokyo Babylon)”, “ชิราฮิเมะโช (Shirahime-Syo)”, “X พลังล้างโลก (X)”, “ดิจิทัล เลดี้ (Chobits)” และผลงานอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านสตอรี่บอร์ดหรือเทคนิคการนำเสนอ จะเห็นได้ว่าแต่ละเรื่องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

นอกจากนี้ ผลงานในปัจจุบันของ CLAMP มักจะมีการต่อยอดมาจากผลงานสมัยที่ยังทำโดจินชิ ตัวละครในแต่ละเรื่องมีความเกี่ยวข้องกันแต่อยู่ในต่างมิติเวลา และลายเส้นก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ในหนังสือรวมภาพและข้อมูล “CLAMP no Kiseki” ที่จัดทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของการเดบิวต์ ได้เรียกรูปแบบนี้ว่า “Star System” ซึ่งก่อให้เกิดเป็นจักรวาลของ CLAMP ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผลงานของ CLAMP มีลักษณะเด่นคือการสอดแทรกปรัชญามากมายเข้าไปในเรื่อง เช่น คำคมที่ว่า “บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ มีแต่พรหมลิขิตเท่านั้น” นอกจากนี้ ในผลงานยังมักจะกล่าวถึงประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อนอย่าง LGBT และปัญหาสภาพแวดล้อมในครอบครัวอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือเรื่อง “X พลังล้างโลก” ที่เริ่มตีพิมพ์ในปี 1992 แต่ต้องหยุดตีพิมพ์ไปหลายครั้ง ว่ากันว่าเป็นเพราะเหตุการณ์สะเทือนขวัญอย่างคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยเด็กมัธยม (Sakakibara Seito incident) และเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน ถึงแม้ว่า “X พลังล้างโลก” จะเป็นเรื่องราวในโลกสมมติ แต่เนื่องจากเนื้อหามีความละเอียดอ่อน จึงต้องหยุดตีพิมพ์เป็นเวลานาน

ผลงานเด่นของ CLAMP

1.เมจิกไนท์ เรย์เอิร์ธ (Magic Knight Rayearth)

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

“เมจิกไนท์ เรย์เอิร์ธ” ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิง “Nakayoshi” ของสำนักพิมพ์ Kodansha ตั้งแต่ฉบับเดือนพฤศจิกายน 1993 ถึงฉบับเดือนเมษายน 1996 มังงะเรื่องนี้มีทั้งหมด 2 ภาค ภาคละ 3 เล่มจบ นอกจากจะถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะทีวีแล้ว ยังมีเวอร์ชัน OVA (Original Video Animation) อีกด้วย และในเดือนกรกฎาคม 2024 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีของการฉายอนิเมะทีวี ก็ได้มีการประกาศสร้างอนิเมะเวอร์ชันใหม่อีกด้วยค่ะ

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

เรื่องราวของ “เมจิกไนท์ เรย์เอิร์ธ” เริ่มต้นจากเด็กสาวมัธยมต้นวัย 14 ปี 3 คน ได้แก่ ฮิคารุ ชิโด, อุมิ ริวซากิ และฟู โฮโอจิ ที่บังเอิญมาเจอกันที่โตเกียวทาวเวอร์ระหว่างมาทัศนศึกษากับโรงเรียน ขณะที่ทั้งสามกำลังชมวิวอยู่ข้างหน้าต่าง ก็มีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นพร้อมกับเด็กสาวคนหนึ่งที่นำพวกเธอไปยังต่างโลกที่ชื่อว่า “เซฟิโร่” ที่นั่น พวกเธอได้พบกับอาจารย์ผู้ชี้แนะและได้รู้ว่า “เสาหลัก” ที่สำคัญที่สุดของเซฟิโร่อย่างเจ้าหญิงเอเมโร้ดถูกคุมขังอยู่ ทำให้เซฟิโร่กำลังจะล่มสลาย ทั้งสามคนได้รับสถานะเป็น “เมจิกไนท์” ตัวแทนแห่งธาตุไฟ, น้ำ และลม ตามลำดับ และยังมีหุ่นเทพอสูรประจำตัวของแต่ละคนอีกด้วย พวกเธอต้องผ่านการต่อสู้มากมายในต่างโลก ทำให้อาวุธและชุดเกราะของพวกเธอแข็งแกร่งขึ้น และเพื่อที่จะช่วยเหลือเซฟิโร่และกลับไปยังโตเกียวให้ได้ ทั้งสามจึงได้ออกเดินทางต่อสู้ไปด้วยกัน

2.ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์ (Cardcaptor Sakura)

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

“ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์” ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิง “Nakayoshi” ของสำนักพิมพ์ Kodansha ตั้งแต่ฉบับเดือนมิถุนายน 1996 ถึงฉบับเดือนสิงหาคม 2000 มีฉบับรวมเล่มทั้งหมด 12 เล่ม (50 ตอน) และในเดือนเมษายน 2022 มีการเปิดเผยว่ามียอดตีพิมพ์สะสมกว่า 19 ล้านเล่ม และสินค้าที่เกี่ยวข้องทำรายได้ไปถึง 3 หมื่นล้านเยน! ในปี 2016 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของมังงะ ก็ได้มีการเปิดตัวภาคใหม่ และได้จบลงอย่างเป็นทางการในเล่มที่ 16 เมื่อเดือนเมษายน 2024 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ

ในปี 2001 “ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์” ได้รับรางวัล “Seiun Award” สาขามังงะยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับผลงานแนววิทยาศาสตร์และแฟนตาซี นอกจากจะถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอ MADHOUSE ในปี 1998 แล้ว ยังมีทั้งภาพยนตร์, เกม, หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และหนังสือภาพอีกด้วย เนื้อเรื่องและวิธีการนำเสนอของ “ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์” ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของ “การ์ตูนผู้หญิง” ส่วนการ์ดแต่ละใบก็มีบุคลิกและหน้าไพ่ที่สวยงามเป็นของตัวเอง จนได้รับการชื่นชมว่าเป็น “ศิลปะที่ผสมผสานระหว่างจินตนาการและความเป็นจริง” ส่วนตัวละครเอกอย่างซากุระจังก็น่ารักมากจนแฟนๆ ตั้งฉายาให้ว่า “เจ้าแม่แห่งความโมเอะ” เลยล่ะค่ะ

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

ตัวละครหลักของเรื่องคือ คิโนโมโตะ ซากุระ เด็กนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 โรงเรียนโทโมเอดะ ที่อาศัยอยู่กับพ่อและพี่ชาย วันหนึ่งซากุระได้บังเอิญไปเปิดหนังสือโบราณที่ผนึกการ์ดไว้ในห้องหนังสือของพ่อ ทำให้การ์ดที่อยู่ข้างในซึ่งเป็น “โคลว์การ์ด” การ์ดเวทมนตร์ที่สร้างโดยนักเวทย์โคลว์รีด ได้หลุดออกมาจากการผนึกและกระจายไปทั่ว การ์ดแต่ละใบมีจิตสำนึกและความสามารถที่แตกต่างกันไป เพื่อป้องกันไม่ให้การ์ดก่อความวุ่นวายในเมือง ซากุระจึงได้รับมอบหมายจากผู้พิทักษ์หนังสือผนึก “เคลเบรอส (เคโระจัง)” ให้รวบรวมการ์ดกลับคืนมาในหนังสือ และนำพลังของการ์ดมาใช้เป็นของตัวเอง ระหว่างที่รวบรวมการ์ด ซากุระก็ได้พบกับ ลี่ เชาหลาง ที่มีความสามารถในการรวบรวมการ์ดเช่นกัน และมักจะแข่งขันกันเพื่อรวบรวมการ์ด แต่ในที่สุดเขาก็ยอมรับในความสามารถของซากุระ และเมื่อซากุระรวบรวมการ์ดได้ครบทั้งหมด เธอก็ผ่านการทดสอบจากผู้พิพากษา “ยูเอะ” และได้กลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของการ์ดในที่สุด

3.CLAMP Gakuen Tanteidan (CLAMP School Detectives)

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

“CLAMP Gakuen Tanteidan” ตีพิมพ์ในนิตยสาร “Monthly Asuka” ของสำนักพิมพ์ Kadokawa Shoten ตั้งแต่ฉบับเดือนมกราคม 1992 ถึงฉบับเดือนตุลาคม 1993 มีฉบับรวมเล่มทั้งหมด 3 เล่ม และเคยถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะทีวีด้วยค่ะ “CLAMP Gakuen Tanteidan” พร้อมด้วยเรื่อง “จอมโจร 20 หน้า (Man of Many Faces)” และ “ตำรวจโรงเรียน Duklyon (Duklyon: CLAMP School Defenders)” ถูกเรียกรวมกันว่าเป็นไตรภาคโรงเรียน CLAMP (CLAMP School 3-part series) ค่ะ

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

เรื่องราวเกิดขึ้นที่โรงเรียน CLAMP ซึ่งก่อตั้งโดยอิโมโนยามะ ไซบัตสึ (กลุ่มบริษัท) ลูกชายคนเล็กสุดของประธานบริษัท โนโครุ อิโมโนยามะ ได้ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนของแผนกประถม และได้ก่อตั้ง “ชมรมนักสืบโรงเรียน CLAMP” ขึ้นมาร่วมกับสมาชิกสภานักเรียนอีกสองคนคือ ซูโอ ทาคามุระ และอากิระ อิจูอิน โดยมีภารกิจคือการปกป้องผู้หญิงทั่วโลกและช่วยเหลือนักเรียนที่เดือดร้อน ถึงแม้จะชื่อชมรมนักสืบ แต่ในเรื่องไม่มีฉากนองเลือดหรือฆาตกรรมเลยแม้แต่น้อย กลับกันเป็นเรื่องราวแนวคอมเมดี้ซะมากกว่าค่ะ

ข่าวคราวล่าสุดของ CLAMP

นอกจากจะสร้างสรรค์มังงะแล้ว CLAMP ยังมีผลงานอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือรวมภาพอาร์ตเวิร์ค, ภาพประกอบนิยาย, อาร์ตเวิร์คเกมการ์ด, ละครวิทยุ (Radio Drama) และนิยายที่สมาชิกเขียนเอง นอกจากนี้ยังรับผิดชอบการออกแบบตัวละครให้กับอนิเมะหลายเรื่อง เช่น ซีรีส์ “โค้ดกีอัส การปฏิวัติของลูลูช (Code Geass: Lelouch of the Rebellion)”, “Mouryou no Hako”, ซีรีส์ “BLOOD-C”, “Kabukibu!” และล่าสุดยังได้ร่วมงานกับ Netflix ในโปรเจกต์ “The Grimm Variations” อีกด้วย แค่ผลงานมังงะออริจินัลก็มีมากกว่า 20 เรื่องแล้ว โดยเรื่อง “X พลังล้างโลก” มียอดขายทะลุ 21 ล้านเล่มในปี 2021 และผลงานของพวกเธอยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครเวทีอีกด้วย เรียกได้ว่า CLAMP เป็นไอคอนแห่งวงการอนิเมะและมังงะของญี่ปุ่นไปแล้ว และผลงานของพวกเธอก็ถูกแปลไปหลายภาษา ทำให้โด่งดังในต่างประเทศเป็นอย่างมาก

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

ในปี 2024 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 35 ปีของการเดบิวต์ของ CLAMP ได้มีการประกาศจัดนิทรรศการ “CLAMP EXHIBITION” ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ถึง 23 กันยายน โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ซึ่งเป็นงานนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ CLAMP เลยค่ะ! ในงานได้จัดแสดงต้นฉบับที่เกี่ยวข้องกับผลงานกว่า 23 เรื่องตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา และหลังจากจบงานที่โตเกียว ก็จะมีการจัดนิทรรศการสัญจร “CLAMP EXHIBITION -SELECTION-” ต่อไป

CLAMP

แหล่งที่มาของภาพ

โปสเตอร์ของนิทรรศการได้แบ่งธีมออกเป็น 5 ธีมตามตัวอักษรของชื่อกลุ่ม ได้แก่ “C (COLOR)”, “L (LOVE)”, “A (ADVENTURE)”, “M (MAGIC)” และ “P (PHRASE)” ซึ่งเป็นตัวแทนของ 5 ลักษณะเด่นในผลงานของ CLAMP ภายในงานมีการจัดแสดงภาพสีต้นฉบับกว่า 100 ภาพ, ภาพขาวดำกว่า 250 ภาพ และต้นฉบับที่เปิดเผยเป็นครั้งแรกอีกมากมาย รวมแล้วกว่า 800 ชิ้น! นอกจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายหนังสือรวมภาพอาร์ตเวิร์คของงานอย่างเป็นทางการ 2 เล่ม คือ “CLAMP EXHIBITION OFFICIAL ART BOOK COLOR KURO” และ “CLAMP EXHIBITION OFFICIAL ART BOOK COLOR SHIRO” (ฉบับภาษาไทยโดย Kadokawa Taiwan จะวางจำหน่ายปลายปี 2025) ว่ากันว่ามีผู้เข้าชมงานกว่า 180,000 คน และเสียงบรรยายในงานยังได้นักพากย์ชื่อดังอย่าง จุน ฟุคุยามะ มาให้เสียงอีกด้วยค่ะ

นิทรรศการสัญจร “CLAMP EXHIBITION -SELECTION-” ที่จัดขึ้นต่อจากงานที่โตเกียว ล่าสุดได้ไปจัดแสดงที่ฟุกุโอกะ, ซัปโปโร และนาโกย่า พร้อมกับมีกิจกรรมคอลแลบอีกมากมาย

ในปี 2024 นี้ยังได้มีการประกาศสร้างอนิเมะ “เมจิกไนท์ เรย์เอิร์ธ” เวอร์ชันใหม่ เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของการฉายอนิเมะอีกด้วย ตอนนี้ได้มีการปล่อยทีเซอร์และภาพวิชวลออกมาแล้ว รวมถึงข่าวเกี่ยวกับสินค้าบางส่วนด้วยค่ะ

ในปี 2025 ก็ยังมีข่าวคราวของ CLAMP อีกเพียบ เช่น การกลับมาตีพิมพ์เรื่อง “xxxHOLiC Rei” ต่อในนิตยสาร “Magazine Pocket” ของสำนักพิมพ์ Kodansha ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปีของการฉายภาพยนตร์ “ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์ เดอะมูฟวี่: การ์ดที่ถูกผนึก” ก็จะมีการนำกลับมาฉายใหม่ในวันที่ 11 กรกฎาคม พร้อมกับฉายเรื่องสั้น “Kero-chan ni Omakase!” ควบคู่กันไปด้วยค่ะ

เชื่อว่าจะต้องมีข่าวดีๆ เกี่ยวกับ CLAMP ออกมาให้เราได้ตื่นเต้นกันอีกเรื่อยๆ แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ก็ต้องดีใจกันถ้วนหน้าแน่นอนค่ะ!