เจาะลึก จุน ชิซง หนุ่มแว่นสุดเร้าใจจาก Glass Heart! จากเด็กอ้วนสู่ดาวรุ่ง สู้ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร!
Catalog
- ช่วงมัธยมต้นที่เคยอ้วนตุ้ยนุ้ย และความมุ่งมั่นในการลดน้ำหนัก
- ถูกแมวมองทาบทามนับครั้งไม่ถ้วนเพราะหน้าตาที่โดดเด่น
- ดังจากซีรีส์โทคุซัทสึ สู่ตัวแทนนักแสดงสายน่ารัก
- ฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก และการเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์แบบ
- ใจอ่อนเพราะความทุ่มเทของซาโต้ ทาเครุ และท้าทายการเล่นดนตรี
- ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง พร้อมพัฒนาทั้งด้านการแสดงและจิตใจ
คงไม่มีซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องไหนที่เป็นที่พูดถึงมากไปกว่าซีรีส์ของ Netflix เรื่อง “Glass Heart”ในฤดูร้อนนี้ และนำแสดงโดยซาโต้ ทาเครุอีกแล้ว นอกจากจะแจ้งเกิดนักแสดงหน้าใหม่ “มิยาซากิ ยู” แล้ว ยังทำให้ผู้ชมหันมาสนใจ “ชิซง จุน” หนุ่มแว่นกรอบดำสุดเท่ ที่มาพร้อมกับบุคลิกสุภาพ หล่อเหลา แต่ก็แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและเผด็จการ จนทำให้สาวๆ หลายคนอดใจไม่ไหวต้องตกหลุมรักไปตามๆ กัน ชิซง จุน ผู้ทำงานในวงการบันเทิงมานานหลายปี แท้จริงแล้วเขามีอดีตที่ไม่คาดคิด ทั้งเคยเป็นเด็กอ้วนในสมัยมัธยม, เคยหนีออกจากบ้านจนทำให้คุณแม่ต้องเสียน้ำตา และยังเคยเผชิญกับอาการป่วยหนักมาแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกันค่ะ!
ช่วงมัธยมต้นที่เคยอ้วนตุ้ยนุ้ย และความมุ่งมั่นในการลดน้ำหนัก
ชิซง จุน เกิดที่โตเกียวในปี 1995 ก่อนเข้าเรียนชั้นมัธยม เขาเคยทุ่มเทให้กับการเล่นเบสบอล เป็นเด็กหนุ่มที่รักการเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ แต่เรื่องน่าประหลาดใจก็คือ ในตอนนั้นเขาไม่ใช่ไทป์ของหมู่สาวๆ เลยค่ะ! แม้ว่าตอนนี้จะสูงถึง 178 เซนติเมตร แต่ในสมัยมัธยมต้นเขาสูง 168 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 73 กิโลกรัม ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างอ้วนเลยทีเดียว
ก่อนปิดเทอมฤดูร้อนตอนม.3 คุณแม่ของเขาได้ยื่นข้อเสนอว่า “ถ้าน้ำหนักลดลง 1 กิโลกรัม จะให้เงิน 1,000 เยน” ด้วยเหตุนี้ ชิซง จุน จึงเริ่มลดน้ำหนักอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาเงินค่าขนม เขาใช้วิธีสุดโหดทั้งอดอาหารและวิ่งซ้ำไปซ้ำมา จนสุดท้ายร่างกายก็อ่อนเพลียจนต้องเข้าโรงบาลให้น้ำเกลือ คุณแม่จึงต้องรีบห้ามปรามเขา แต่ในที่สุดความพยายามของเขาก็เป็นผล เมื่อสิ้นสุดช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ชิซง จุน สามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 18 กิโลกรัม! ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอผอมลงปุ๊บก็กลายเป็นหนุ่มฮอตขึ้นมาทันที
ถูกแมวมองทาบทามนับครั้งไม่ถ้วนเพราะหน้าตาที่โดดเด่น
และในช่วงมัธยมปลาย แม้จะถูกแมวมองทาบทามหลายครั้ง แต่ชิซง จุน ก็เลือกที่จะเดินเข้าไปเคาะประตูของ Watanabe Entertainment ด้วยตัวเอง เพื่อเรียนรู้การแสดงและการเต้น ต่อมาในปี 2011 เขาได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในละครเวทีเรื่อง “The Prince of Tennis Musical 2nd Season” (テニスの王子様 2ndシーズン) ชิซง จุน เป็นคนที่มีวินัยสูงมากและให้ความสำคัญกับรูปร่างของเขาอยู่เสมอ แม้จะยังอยู่ในช่วงที่กำลังเจริญเติบโต เขาก็มักจะพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนักอยู่บ่อยๆ จนทำให้นักแสดงรุ่นเดียวกันต้องทึ่งในความมุ่งมั่นของเขา
ชิซง จุน ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 15 ปี แม้จะดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นที่ราบรื่น แต่เขากลับต้องเผชิญกับปัญหาครอบครัว เขาเคยรู้สึกว่า “ไม่มีใครสนับสนุนฉันเลย…” จนกระทั่งอายุ 17 ปี เขาได้ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ นั่นคือการหนีออกจากบ้าน! ไม่ใช่แค่หนีธรรมดาๆ แต่เขาถึงกับจ้างบริษัทขนย้ายมาขนของ และย้ายทะเบียนบ้านออกจากบ้าน เพื่อตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวอย่างเด็ดขาด
คุณแม่ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลมัมเสียใจมากๆ ส่วนพี่ชายและพี่สาวก็โกรธเขามากเช่นกัน คุณแม่ยอมรับว่าช่วงนั้น “รู้สึกหดหู่ทุกวัน” แต่ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของลูกชายที่ตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางสายบันเทิงแม้จะต้องแยกจากครอบครัวก็ตาม ถึงแม้ในใจของชิซง จุน จะเจ็บปวด แต่เมื่อเป็นสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจแล้ว ก็ต้องกัดฟันสู้ต่อไป สองปีของการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เขาต้องทำงานพิเศษเพื่อหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ แม้จะลำบาก แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ชิซง จุน ก็คิดว่าประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาเติบโตขึ้นมากจริงๆ ค่ะ
ดังจากซีรีส์โทคุซัทสึ สู่ตัวแทนนักแสดงสายน่ารัก
©️NHK
ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ชิซง จุน ก็ได้พบกับผลงานที่ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตก นั่นคือซีรีส์ขบวนการเซ็นไตเรื่อง “Ressha Sentai ToQger” (烈車戦隊トッキュウジャー) และในปี 2017 เขารับบทนำในละครเวทีเป็นครั้งแรกกับเรื่อง “Spring Awakening” (春のめざめ) และในปี 2018 จากละครของ NHK เรื่อง “Life as a Girl” เขาก็ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากงาน “11th CONFiDENCE Award Drama Prize” (コンフィデンスアワード・ドラマ賞) จากบทบาท “บุคคลข้ามเพศ” ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม!
ในละครเช้าของ NHK เรื่อง “Hanbun, Aoi” เขารับบทเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของเขา จากนั้นเขาก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นในละครเช้าของ NHK เรื่อง “Ranman” ซึ่งกลายเป็นประเด็นพูดคุยในวงกว้าง และขยายฐานแฟนคลับของเขาให้กว้างขวางขึ้นอย่างมาก ตลอด 14 ปีในวงการบันเทิง ตอนนี้ชิซง จุน ในวัย 30 ปีได้ค่อยๆ พัฒนาฝีมือการแสดงของเขาจนกลายเป็นนักแสดงมากความสามารถที่น่าจับตามองคนหนึ่งไปแล้วค่ะ
ฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก และการเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์แบบ
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของชิซง จุน เกิดขึ้นในปี 2021 เมื่อเขาป่วยหนักด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันจนต้องเข้าโรงพยาบาล และเคยอยู่ในห้องไอซียูเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ทำให้ต้องหยุดพักงานในวงการบันเทิงทั้งหมด เขาสัมผัสได้ถึงความกลัวที่เฉียดตายอย่างแท้จริง อาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้านี้ ทำให้ชิซง จุน ตกใจมากๆ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินหมอวินิจฉัยถึงวิธีการรักษาของเขา เขากลับรู้สึกผิดต่อครอบครัว ถึงขนาดที่ต้องเขียน “พินัยกรรม” ทุกวัน และสิ่งที่เขาอยากจะสื่อนั้นมีเพียง “ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่”
หลังจากที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ชิซง จุน ก็กลับมาสู่เวทีการทำงานที่เขารักอีกครั้ง จากที่เคยมีความรู้สึกรุนแรงว่า “ไม่ว่ายังไงก็อยากจะเล่นบทนี้ให้ได้!” ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่า “การพยายามตอบสนองความคาดหวังของอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด” ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ชิซง จุน แบกรับความกดดันอย่างหนัก เหมือนกับถูกงานเข้าสิง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงโรคระบาดและอาการป่วย ความกดดันเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายไปโดยไม่รู้ตัว
ชิซง จุน เล่าว่า “ทุกคนคิดว่าเส้นทางของผมราบรื่นมาตลอด แต่ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้ง สิบปีแรกเป็นช่วงเวลาที่มืดมนของการปฏิเสธตัวเอง เพราะไม่สามารถเข้าใกล้ภาพลักษณ์ในอุดมคติได้ เลยต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา แม้จะทุ่มเทเต็มที่กับทุกผลงาน แต่ทุกครั้งก็ยังคงรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ ยังขาดอะไรไปอีกเยอะ แทบไม่มีช่วงเวลาไหนที่พอใจกับตัวเองเลย มีแต่โทษตัวเองอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ถึงจะเริ่มหลุดพ้นจากความรู้สึกนั้นได้ ลองเปลี่ยนจาก ‘ในฐานะนักแสดงควรจะเป็นอย่างไร’ เป็น ‘จะทำผลงานชิ้นนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร จะใช้ชีวิตในบทบาทนี้ได้อย่างไร’ นั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่า”
ใจอ่อนเพราะความทุ่มเทของซาโต้ ทาเครุ และท้าทายการเล่นดนตรี
จากการชักชวนโดยตรงของซาโต้ ทาเครุ ทำให้ชิซง จุน ตกลงรับบท “ซากาโมโตะ คาซึชิ” มือคีย์บอร์ดในเรื่อง “Glass Heart” แม้ว่าการเรียนเครื่องดนตรีจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แถมยังต้องเล่นทั้งคีย์บอร์ด เบส และร้องคอรัสไปพร้อมๆ กัน แต่ในเมื่อเป็นผลงานที่ซาโต้ ทาเครุ สร้างขึ้นมาด้วยความทุ่มเท และยังเจาะจงบอกกับเขาว่า “อยากให้เป็นชิซงนะ” เขาก็เลยต้องกัดฟันรับคำท้านี้ไป
ในเรื่อง ซากาโมโตะมักจะพูดจาเยาะเย้ยนางเอกอาคาเนะอยู่เสมอ แต่ในฉากสำคัญ เขากลับพูดกับเธออย่างจริงจังว่า “แค่ห้าวินาทีก็พอ… ขอทำให้ไซโจลำบากใจหน่อยนะ… ผมชอบไซโจมาก มากจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว…” ฉากกอดจากด้านหลังนี้ทำเอาคนดูกรี๊ดกันทั้งโซเชียลเลยล่ะค่ะ!
เสื้อผ้าที่ซากาโมโตะใส่ในเรื่อง จริงๆ แล้วครึ่งหนึ่งเป็นของชิซง จุน เอง! เขารู้สึกว่าซากาโมโตะในเวอร์ชั่นต้นฉบับจะมีความเป็น “คนที่มุ่งมั่นกับดนตรี” มากกว่า ดังนั้นในการสร้างตัวละครในส่วนที่ไม่ได้ถูกบรรยายไว้ เขาจึงอยากแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่ยึดมั่นในบางสิ่งบางอย่าง อย่างแรงกล้า ซากาโมโตะรักเครื่องดนตรี ดังนั้นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดจุดนี้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ก็คือเสื้อผ้า บวกกับการคำนึงถึงความสมดุลกับตัวละครอีกสองคน จึงออกมาเป็นการแต่งตัวแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชิซง จุน มีรสนิยมที่ดีเยี่ยมจริงๆ เสื้อผ้าส่วนตัวของเขาก็ดูดีมากๆ เลยค่ะ
ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง พร้อมพัฒนาทั้งด้านการแสดงและจิตใจ
ชิซง จุน ผู้มีผลงานใหม่ออกมาให้เราได้ชมอย่างต่อเนื่องและสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้ในทุกครั้ง พอมาใน “Glass Heart” ครั้งนี้ เขาได้เรียนรู้ที่จะ “รู้สึก” ถึงตัวละครอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น แทนที่จะเป็นแค่การ “แสดง” เพียงอย่างเดียว ในบางครั้ง เมื่อมีบทพูดที่น้อย ทำให้ต้องใช้สายตาและการแสดงออกทางสีหน้าเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสื่อสารความขัดแย้งและอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งทำให้เขาได้กลับมาทบทวนความหมายของการแสดงอีกครั้ง จากความไม่มั่นใจ สู่การท้าทาย และการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบทบาท ไม่เพียงแต่ขยายขอบเขตความสามารถทางการแสดงของเขาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ยังทำให้เขาค้นพบสไตล์การแสดงที่เป็นธรรมชาติและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกด้วยค่ะ











