ตะลุยชิงะ! 10 ที่เที่ยวสุดปังที่คุณห้ามพลาด ทั้งธรรมชาติ ศาลเจ้า และปราสาท!

| By Git house Git house

ตะลุยชิงะ! 10 ที่เที่ยวสุดปังที่คุณห้ามพลาด ทั้งธรรมชาติ ศาลเจ้า และปราสาท!

จังหวัดชิงะตั้งอยู่ในใจกลางภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่รู้จักกันของ ‘ทะเลสาบบิวะ’ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น! และยังเป็นขุมทรัพย์ที่มีทั้งความงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ลึกซึ้ง ตั้งแต่ทิวทัศน์ทะเลสาบและภูเขาอันงดงาม, ความสวยงามของสี่ฤดูที่น่าหลงใหล, ไปจนถึงวัดวาอารามอายุนับพันปีและสถาปัตยกรรมที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ จังหวัดชิงะพร้อมมอบประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าคุณจะไปเดินเล่นสบายๆ, เยี่ยมชมโบราณสถาน, ชื่นชมการผสมผสานของศิลปะสมัยใหม่กับธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งอยากสัมผัสวิถีชีวิตของนินจา ที่นี่ก็สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้หมดเลยค่ะ

และในบทความนี้ เราได้คัดสรร 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในชิงะที่ไม่ควรพลาดมาให้ทุกคน หวังว่าทุกคนจะได้รู้จักเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนี้มากขึ้นกันนะคะ

จองทริปเที่ยวชิงะ

1. ทะเลสาบบิวะ

ทะเลสาบบิวะในจังหวัดชิงะเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีพื้นที่ประมาณหนึ่งในหกของจังหวัด และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสี่ล้านปี ทำให้เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่หาได้ยากในโลก ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนี้ได้หล่อเลี้ยงพืชและสัตว์น้ำกว่า 1,700 ชนิด โดยมีมากกว่า 60 ชนิดที่เป็นสายพันธุ์เฉพาะถิ่นที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่น ซึ่งมีคุณค่าทางระบบนิเวศอย่างมหาศาล ผืนน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับเชิญชวนให้คุณล่องเรือ’มิชิแกน’ และในฤดูร้อนก็สามารถลงเล่นน้ำในทะเลสาบ หรือสนุกกับกิจกรรมทางน้ำ เช่น ตกปลา, SUP, เรือแคนู และเวคบอร์ดอีกด้วย

ทัศนียภาพของทะเลสาบบิวะแหล่งที่มาของภาพ

ริมฝั่งทะเลสาบมีทั้งที่ตั้งแคมป์และโรงแรมที่มองเห็นวิวทะเลสาบ ทำให้ไม่ว่าจะมองจากบนเรือหรือจากบนฝั่งก็สามารถชมวิวสวยๆแบบนี้ได้อย่างเต็มที่ และชายฝั่งที่ราบเรียบยังเหมาะสำหรับการปั่นจักรยานหรือเดินป่าในเส้นทาง ‘BIWAICHI (ビワイチ)’ ที่มีระยะทางกว่า 130 กิโลเมตร ขณะที่ปั่นไปรอบๆ ก็จะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และความงามของทะเลสาบบิวะในแต่ละฤดูกาล ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 700,000 คนต่อปีอีกด้วย และในยามเย็น ผืนน้ำจะถูกย้อมเป็นสีทอง ตัดกับภาพภูเขาฮิเอและภูเขาฮิระที่เรียงรายอยู่ไกลๆ กลายเป็นภาพวาดที่งดงามราวบทกวี และในตอนกลางคืน คุณยังสามารถผ่อนคลายในออนเซ็นริมทะเลสาบ เพื่อสัมผัสความงามของทะเลสาบบิวะได้อย่างเต็มอิ่ม

กิจกรรมทางน้ำที่ทะเลสาบบิวะแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県守山市今浜町1丁目
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้ตามอิสระ
■ ค่าเข้าชม: ไม่มี
■ เว็บไซต์ทางการ

2. พิพิธภัณฑ์ทะเลสาบบิวะ จังหวัดชิงะ

พิพิธภัณฑ์ทะเลสาบบิวะ จังหวัดชิงะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นการสัมผัสและสร้างประสบการณ์ ในธีม ‘ทะเลสาบกับมนุษย์’ ซึ่งได้เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 2020 เหมาะที่จะพาเด็กๆไปเที่ยว ที่นี่จะแนะนำประวัติการก่อตัวของทะเลสาบบิวะและความสัมพันธ์ระหว่างทะเลสาบกับมนุษย์ พืช และสัตว์ต่างๆ และเป็นหนึ่งในสถานที่จัดแสดงสิ่งมีชีวิตน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นที่เดียวในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกที่สามารถชมแมวน้ำไบคาลได้ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมี ‘โซนสำรวจ’ ที่คุณสามารถสัมผัสฟอสซิลได้ด้วยมือตัวเอง แล้วมาเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและวัฒนธรรมของทะเลสาบบิวะผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้ากัน

ภายในพิพิธภัณฑ์ทะเลสาบบิวะแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県草津市下物町1091
■ เวลาทำการ: 9:30 – 17:00 (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:00)
■ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 840 เยน, นักศึกษามหาวิทยาลัย 470 เยน, อายุต่ำกว่า 18 ปีและผู้พิการเข้าชมฟรี
■ เว็บไซต์ทางการ

3. บิวะโกะ เทอร์เรซ

บิวะโกะ เทอร์เรซ (びわ湖テラス) ตั้งอยู่ที่เมืองโอสึ จังหวัดชิงะ และอยู่บนที่สูงประมาณ 1,100 เมตร เป็นจุดชมวิวทะเลสาบบิวะยอดนิยมอีกด้วย จากเชิงเขาคุณสามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขาอุจิมิยามะได้ในเวลาเพียง 5 นาที แล้วจะพบกับจุดชมวิวที่กว้างขวาง ‘Grand Terrace’ ที่ออกแบบเป็นระเบียงไม้สามชั้น ให้คุณได้ชมทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบบิวะจากมุมสูงที่แตกต่างกัน ส่วน ‘North Terrace’ คุณจะมองเห็นวิวทะเลสาบทางตอนเหนือ พร้อมด้วยสระน้ำตื้นและทางเดินไม้ที่สร้างบรรยากาศสบายๆ และผ่อนคลาย

วิวจากบิวะโกะ เทอร์เรซแหล่งที่มาของภาพ

บนระเบียงมีโซฟาและเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน พร้อมชมทิวทัศน์ที่สวยงามของท้องฟ้าและผืนน้ำ บนยอดเขายังมีคาเฟ่และร้านอาหาร ให้คุณได้ลิ้มลองในช่วงเวลาสบายๆ ของตัวเอง ในฤดูหนาว ที่นี่จะกลายเป็นลานสกี ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ภูเขาและกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี ถือเป็นรีสอร์ทบนภูเขาที่ผสมผสานธรรมชาติและประสบการณ์การพักผ่อนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

บิวะโกะ เทอร์เรซในมุมต่างๆแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県草津市下物町1091
■ เวลาทำการ: 9:00 – 17:00 (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
■ ค่าเข้าชม: (ตั๋วกระเช้าไป-กลับ) ผู้ใหญ่ 4,000 เยน, เด็กโต 2,000 เยน, เด็กเล็ก (ก่อนวัยเรียน) 1,000 เยน
■ เว็บไซต์ทางการ

4. ถนนทิวสนเมตาซีคัวญา

สองข้างทางของถนนที่มุ่งหน้าไปยังสวนเกษตรมากิโนะพิคแลนด์ ในเมืองทาคาชิมะ มีถนนทิวสนเมตาซีคัวญา (メタセコイア並木) ที่ทอดยาวกว่า 2.4 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่สวยงามและได้รับความนิยมอย่างสูงในจังหวัดชิงะ และทิวสนเมตาซีคัวญากว่า 500 ต้นที่สูงตระหง่าน เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบจะเปลี่ยนโฉมไปตามฤดูกาล: ในฤดูใบไม้ผลิจะแตกยอดอ่อนสีเขียวสดใส, ฤดูร้อนจะให้ร่มเงาหนาทึบ, ฤดูใบไม้ร่วงจะเปลี่ยนเป็นอุโมงค์สีน้ำตาลแดงและสีทองอร่าม และฤดูหนาวจะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์สีเงิน

ถนนต้นเมตาซีควอเรียในฤดูใบไม้ร่วงแหล่งที่มาของภาพ

ถนนสายนี้เคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน ‘100 ถนนต้นไม้สายใหม่แห่งญี่ปุ่น’ และเมื่อประกอบกับทิวทัศน์ของเทือกเขาโนซากะ ยิ่งทำให้เกิดเป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาด ไม่ว่าจะมาเยือนเมื่อไหร่ ก็จะได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ที่นี่ได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม ที่มีคาเฟ่และร้านขนมหวานตั้งอยู่ตลอดทาง ให้คุณได้เพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆ พร้อมชมวิวสวยๆ และยังกลายเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวหญิงโดยเฉพาะด้วย ถือเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับการถ่ายรูปและเดินเล่นเลยค่ะ

ถนนต้นเมตาซีควอเรียในฤดูหนาวแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県高島市マキノ町蛭口~牧野
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้ตลอดเวลา
■ ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
■ เว็บไซต์ทางการ

5. ศาลเจ้าชิราฮิเงะ

ศาลเจ้าชิราฮิเงะตั้งอยู่ริมทะเลสาบบิวะ เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคโอมิ มีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี และได้รับการเคารพนับถือในชื่อ ‘ชิราฮิเงะซัง’ หรือ ‘เมียวจินซามะ’ เทพเจ้าหลักที่ประดิษฐานคือ ซารุตาฮิโกะ-โนะ-มิโคโตะ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งอายุยืน และยังเป็นเทพผู้พิทักษ์ในทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่ความรัก, บุตรหลาน, การเรียน, โชคลาภ, การเดินทาง และการเดินเรือ สถาปัตยกรรมของศาลเจ้าในปัจจุบันสร้างขึ้นตามพระประสงค์ของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ โดยมีโทโยโทมิ ฮิเดโยริเป็นผู้ดำเนินการ และมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นสถานที่ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์, ความเชื่อ และความงามของธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน

ศาลเจ้าชิราฮิเงะแหล่งที่มาของภาพ

จุดเด่นที่สุดของศาลเจ้าก็คือเสาโทริอิสีแดงชาดที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลสาบบิวะ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตัวศาลเจ้าหลัก โดยมีถนนหมายเลข 161 คั่นกลาง ทำให้ได้รับการสมญานามว่า ‘ศาลเจ้าอิทสึคุชิมะแห่งโอมิ’ ภาพของเสาโทริอิสีแดงที่สะท้อนบนผิวน้ำก่อให้เกิดทิวทัศน์ที่งดงามอย่างยิ่ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่างภาพจำนวนมากมาถ่ายรูปที่นี่

เสาโทริอิกลางน้ำของศาลเจ้าชิราฮิเงะแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県高島市鵜川215
■ เวลาทำการ: เข้าชมได้ตลอดเวลา
■ ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
■ เว็บไซต์ทางการ

6. ศาลเจ้าโอมิ

ศาลเจ้าโอมิตั้งอยู่ในเมืองโอสึ จังหวัดชิงะ เป็นที่ประดิษฐานของจักรพรรดิเท็นจิ ผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปไทกะและสถาปนาราชธานีโอสึ นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นผู้ประพันธ์บทกวีบทแรกใน ‘โองุระ เฮียคุนิน อิชชู’ ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการแข่งขันคารุตะ และยังโด่งดังจากการเป็นสถานที่ถ่ายทำมังงะและภาพยนตร์ยอดนิยมอีกด้วย อีกทั้งอาคารหลักและอาคารโดยรอบเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมศาลเจ้าสมัยใหม่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย

ทางเข้าศาลเจ้าโอมิแหล่งที่มาของภาพ

จักรพรรดิเท็นจิยังเป็นผู้นำ ‘โระโคคุ (ろうこく)’ หรือนาฬิกาน้ำ ซึ่งเป็นนาฬิกาแบบแรกของญี่ปุ่น ดังนั้นภายในศาลเจ้าจึงมี ‘พิพิธภัณฑ์นาฬิกา’ จัดแสดงนาฬิกาญี่ปุ่นโบราณและนาฬิกาประเภทต่างๆ และยังสามารถชมการทำงานของนาฬิกาน้ำแบบโบราณได้อีกด้วย ในฐานะที่เป็นจุดกำเนิดของระบบเวลาในญี่ปุ่น ที่นี่ไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แต่ยังเป็นสถานที่แสวงบุญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบทกวีวะกะและการแข่งขันคารุตะอีกด้วยค่ะ

พิพิธภัณฑ์นาฬิกาที่ศาลเจ้าโอมิ

แหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県大津市神宮町1-1
■ เวลาทำการ: สักการะ 6:00 – 18:00 (รับตราประทับ 9:00 – 16:30); พิพิธภัณฑ์นาฬิกา 9:30 – 16:30
■ ค่าเข้าชม: พิพิธภัณฑ์นาฬิกา ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ประถม 150 เยน
■ เว็บไซต์ทางการ

7. วัดเอนเรียคุจิ

วัดเอนเรียคุจิเป็นวัดหลักของนิกายเท็นได ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดเกียวโตและชิงะ โดยทั้งภูเขาถือเป็นอาณาเขตของวัด ประกอบด้วยสามพื้นที่หลักคือ ‘โทโด’ (เจดีย์ตะวันออก), ‘ไซโต’ (เจดีย์ตะวันตก) และ ‘โยคาวะ’ ซึ่งมีอาคารและเจดีย์น้อยใหญ่อยู่หลายร้อยหลัง วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปลายยุคนาราโดยพระไซโช และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของพุทธศาสนาในญี่ปุ่น เป็นแหล่งบ่มเพาะพระภิกษุผู้ก่อตั้งนิกายต่างๆเช่น โฮเน็นและชินรัน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อคนรุ่นหลัง วัดเอนเรียคุจิมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1994 ภายในวัดเต็มไปด้วยต้นสนซีดาร์ บรรยากาศเงียบสงบและศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของสถานปฏิบัติธรรมของนิกายเท็นได และในยุคเซ็นโงกุเคยถูกโอดะ โนบุนางะเผาทำลาย แต่ต่อมาได้รับการบูรณะโดยความช่วยเหลือของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิและโทคุกาวะ อิเอยาสึ ปัจจุบันอาคารบางส่วนได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติของชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ จากวัดสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบบิวะและเมืองเก่าเกียวโต ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รวมประวัติศาสตร์, ความเชื่อ และทิวทัศน์ธรรมชาติไว้ด้วยกัน

วัดเอนเรียคุจิแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県大津市坂本本町4220
■ เวลาทำการ: 【โทโด】9:00-16:00
【ไซโต・โยคาวะ】มี.ค. – พ.ย.: 9:00-16:00, ธ.ค. – ก.พ.: 9:30-16:00
■ ค่าเข้าชม:【ตั๋วรวม 3 พื้นที่】ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ปลาย 600 เยน, นักเรียนประถม 300 เยน
【หอสมบัติชาติ】ผู้ใหญ่ 500 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ปลาย 300 เยน, นักเรียนประถม 100 เยน
■ เว็บไซต์ทางการ

8. บ้านนินจาโคคะ

ที่นี่คือบ้านพักของนินจาสำนักโคกะตัวจริงเสียงจริงเลยค่ะ! ไม่ใช่บ้านที่สร้างขึ้นใหม่หรือจำลองนะคะ แต่เป็นอาคารประวัติศาสตร์อันล้ำค่าที่ได้รับการอนุรักษ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ภายในจัดแสดงภูมิปัญญาและกลไกต่างๆ ของนินจาโคกะไว้อย่างครบถ้วน ก่อนเข้าชมจะมีเจ้าหน้าที่บรรยายเกี่ยวกับประวัติของนินจาและลักษณะเด่นของอาคารให้ฟังก่อน จากนั้นเราก็สามารถสำรวจบ้านนินจาสามชั้นนี้ได้อย่างอิสระ ภายในบ้านซ่อนกลไกและที่ซ่อนตัวไว้มากมาย ให้เราได้ลองสัมผัสและทดลองเล่นด้วยตัวเอง เหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของนินจาจริงๆ เลยค่ะ

ภายในบ้านนินจาโคกะแหล่งที่มาของภาพ

ในห้องเก็บข้อมูลยังมีการจัดแสดงอาวุธนินจา, คัมภีร์ลับ และหนังสือเกี่ยวกับวิชานินจา เพิ่มความสนุกสนานในการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีชาสมุนไพร (เคนโปฉะ) ที่นินจาเคยดื่มให้คุณลองชิม และมีของที่ระลึกเกี่ยวกับนินจาและสินค้าออริจินัลจำหน่ายอยู่ด้วย ถ้าซื้อแพ็คเกจเสริม ยังสามารถลองขว้างดาวกระจายเหล็ก เพื่อสัมผัสประสบการณ์การฝึกฝนของนินจาในสมัยก่อนได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะสนใจวัฒนธรรมนินจา หรือเป็นคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมโบราณ ที่นี่ก็จะเป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือน เพราะที่นี่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานค่ะ

กลไกในบ้านนินจา

แหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県甲賀市甲南町竜法師2331
■ เวลาทำการ: (วันธรรมดา) 10:00-17:00 (เข้ารอบสุดท้าย 16:30)
(วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 9:30-17:00 (เข้ารอบสุดท้าย 16:30)
■ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) 750 เยน, เด็ก (3 ปีขึ้นไป) 550 เยน
■ เว็บไซต์ทางการ

9. พิพิธภัณฑ์ศิลปะซากาวะ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะซากาวะที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบบิวะ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการครบรอบ 40 ปีของการก่อตั้งบริษัท Sagawa Express ในปี 1998 การออกแบบอาคารมีความโดดเด่นอย่างมาก ตัวอาคารเหมือนกับลอยอยู่บนผิวน้ำ จึงได้รับฉายานามว่า ‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะลอยน้ำ’ และได้รับรางวัลด้านการออกแบบมามากมาย พิพิธภัณฑ์นี้เน้นจัดแสดงผลงานของศิลปินสามท่านเป็นหลัก ได้แก่ จิตรกรภาพญี่ปุ่น ฮิรายามะ อิคุโอะ, ประติมากร ซาโต้ ชูเรียว และช่างปั้นดินเผา ราคุ จิเคนิว (รุ่นที่ 15 ของตระกูลราคุ คิจิซาเอมอน) โดยพื้นที่จัดแสดงผลงานถาวรได้รับการดูแลโดยศิลปินเอง ทำให้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากภาพวาดญี่ปุ่นและงานฝีมือแล้ว ยังมีการจัดนิทรรศการพิเศษที่หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่ภาพวาดตะวันตกไปจนถึงอนิเมะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ทางศิลปะที่เปิดกว้างและหลากหลาย ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดเวิร์กช็อปและคอนเสิร์ต รวมถึงการจัดแสดงระฆังสำริดสมัยเฮอันซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่คุณไม่เพียงแต่จะได้ชื่นชมศิลปะ แต่ยังได้ดื่มด่ำกับสุนทรียศาสตร์ของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะซากาวะแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県守山市水保町北川2891
■ เวลาทำการ: 9:30 – 17:00 (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30)
■ ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย/มหาวิทยาลัย 600 เยน
■ เว็บไซต์ทางการ

10. ปราสาทฮิโกเนะ

ปราสาทฮิโกเนะสร้างขึ้นโดย อี นาโอสึกุ และ อี นาโอทากะ และใช้เวลาสร้างประมาณ 20 ปี และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1622 ต่อมาในปี 1952 ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ ปราสาทแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในด้านรูปลักษณ์ที่สง่างาม, การออกแบบทางทหารที่ชาญฉลาด และกลุ่มอาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม ตัวปราสาทหลักมีโครงสร้าง 3 ชั้น 3 หลังคา ผสมผสานรูปแบบหลังคาที่หลากหลาย เช่น คิริซึมะฮะฟุ, อิริโมยะฮะฟุ และคาระฮะฟุ ทำให้มีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงหลากหลายและสวยงามอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นซากุระในฤดูใบไม้ผลิ, ความเขียวขจีในฤดูร้อน, ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง หรือหิมะในฤดูหนาว ต่างก็มีความงดงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล ถือเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนชิงะเลยค่ะ

ปราสาทฮิโกเนะแหล่งที่มาของภาพ

ภายในบริเวณปราสาทยังมีโรงม้าเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ว่ากันว่าเคยจุมาได้ถึง 21 ตัว นับเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง โรงม้าแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สองเสร็จสิ้นในปี 2015 ปัจจุบันหลังคาที่มุงด้วยเปลือกไม้ไซเปรสได้กลับมางดงามเหมือนในอดีต แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมโบราณ

โรงม้าในปราสาทฮิโกเนะแหล่งที่มาของภาพ

■ ที่อยู่: 滋賀県彦根市金亀町1-1
■ เวลาทำการ: 8:30 – 17:00 (เข้าปราสาทรอบสุดท้าย 16:45)
■ ค่าเข้าชม: ปราสาทฮิโกเนะ・สวนเก็นคิวเอ็น ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ประถม 300 เยน
พิพิธภัณฑ์ปราสาทฮิโกเนะ ผู้ใหญ่ 700 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ประถม 350 เยน
ตั๋วชุด ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, นักเรียนมัธยมต้น/ประถม 550 เยน
■ OFFICIAL SITE

ทั้ง 10 สถานที่ที่แนะนำไปนี้ มีทั้งทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบบิวะไปจนถึงบรรยากาศอันเงียบสงบของวัดวาอารามเก่าแก่, จากความงามของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลไปจนถึงสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ ทุกๆ ที่ในจังหวัดชิงะต่างก็เผยให้เห็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าคุณจะอยากเดินเล่นสบายๆ, ถ่ายรูปสวยๆ หรือเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง ที่นี่ก็มีเหตุผลดีๆ ให้คุณมาเยือนเสมอค่ะ

อย่าลืมว่าเที่ยวคันไซไม่ได้มีแค่เกียวโตกับโอซาก้านะคะ ชิงะก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทาง รอให้ทุกคนมาเยี่ยมชมและสร้างความประทับใจอยู่นะคะ

จองทริปเที่ยวชิงะ