เที่ยวญี่ปุ่นหน้าฝนก็ฟินฉบับ 2025! แจก 10 พิกัดชมธรรมชาติรับลมมิถุนา สวยชุ่มฉ่ำหัวใจจนต้องร้องว้าว!

Catalog
- 01. คะนะงะวะ คามาคุระ “วัดเมเก็ตสึอิน”: โลกสีฟ้าอันเงียบสงบในสวน
- 02. คะนะงะวะ คามาคุระ “วัดฮาเซเดระ”: ชมดอกไฮเดรนเยียพร้อมวิวเมืองและทะเลในเฟรมเดียว
- 03. คะนะงะวะ ฮาโกเนะออนเซ็น: สวรรค์แห่งการชมดอกไม้และแช่ออนเซ็น
- 04. คะนะงะวะ ฮาโกเนะ “สวนโกระ”: ดอกไฮเดรนเยียหลากสีในสวนสไตล์ฝรั่งเศส
- 05. เกียวโต “วัดมิมุโระโทจิ”: วัดที่มีดอกไฮเดรนเยียนับหมื่นต้น
- 06. เกียวโต “วัดไซโฮจิ”: หนึ่งในวัดมอสที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
- 07. เกียวโต “วัดโฮโคะคุจิวัดยานากิดานิ คันนน”: วัด “ฮานะโจสุ” สุดฮิตในโซเชียล
- 08. เกียวโต “ศาลเจ้าฟูจิโนโมริ”: สวนไฮเดรนเยียที่ไม่ต้องเบียดเสียด
- 09. เกียวโต “วัดซันเซ็นอิน”: วัดอันเงียบสงบงดงามที่เต็มไปด้วยมอส
- 10. อุทยานแห่งชาติโอเซะ: ทัศนียภาพธรรมชาติอันงดงามของทุ่งดอกมิซุบาโช
- เริ่มต้นการเดินทางสุดพิเศษในช่วงฤดูฝนกันเถอะ!
สายลมอันสดชื่นในเดือนมิถุนายนของญี่ปุ่นกำลังเรียกให้คุณไปสัมผัส! แต่เดือนมิถุนายนไม่ใช่ช่วงฤดูฝนหรอ? อย่าเพิ่งขมวดคิ้วสิ! ใครบอกว่าหน้าฝนจะไม่มีที่เที่ยวกัน วันนี้เรามาแนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด และมีบางทัศนียภาพที่งดงามราวกับบทกวีเลยล่ะ ไม่แน่คุณยังอาจต้องตกหลุมรัก!
วันที่เผยแพร่บทความ: 11 พฤษภาคม 2022 / วันที่แก้ไข: 20 พฤษภาคม 2025
01. คะนะงะวะ คามาคุระ “วัดเมเก็ตสึอิน”: โลกสีฟ้าอันเงียบสงบในสวน
ดอกไฮเดรนเยีย หรือที่เรียกกันว่า “บทกวีแห่งฤดูฝน” และนั้นก็คือจุดมุ่งหมายสำหรับการเยี่ยมชมที่นี้ ถึงเราจะสามารถชมความงามของดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าพูดถึงแหล่งชมดอกไฮเดรนเยียที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศแล้วล่ะก็ ต้องยกให้ “คามาคุระ”เลยค่ะ ในบรรดาวัดวาอารามมากมายในคามาคุระ วัดเมเก็ตสึอิน (明月院) และวัดฮาเซเดระ (長谷寺) เป็นสองแห่งที่หลายคนนิยมไปชม จนได้รับสมญานามว่าเป็น “วัดไฮเดรนเยีย”เลยทีเดียว ดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งในวัดเมเก็ตสึอินส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่เรียกว่า “ฮิเมะอาจิไซ” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีดอกสีฟ้าเป็นเอกลักษณ์ พอถึงเดือนมิถุนายน ทั่วทั้งวัดเมเก็ตสึอินจะถูกย้อมไปด้วยสีฟ้าครามของดอกไฮเดรนเยีย บรรยากาศภายในวัดที่เต็มไปด้วยดอกไฮเดรนเยียเหล่านี้ ช่างงดงามราวกับภาพวาดเลยใช่มั้ยล่ะ
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: วัดเมเก็ตสึอิน (Meigetsu-in)
■ ที่อยู่: 189 Yamanouchi, Kamakura-shi, Kanagawa 〒247-0062
■ การเดินทาง: เดินประมาณ 10 นาที จากสถานี “คิตะ-คามาคุระ” (北鎌倉駅) รถไฟ JR สายโยโกสุกะ (JR横須賀線)
02. คะนะงะวะ คามาคุระ “วัดฮาเซเดระ”: ชมดอกไฮเดรนเยียพร้อมวิวเมืองและทะเลในเฟรมเดียว
ตรงกันข้ามกับวัดเมเก็ตสึอินที่ถูกย้อมไปด้วยสีฟ้าของดอกไฮเดรนเยีย ที่วัดฮาเซเดระ (長谷寺) คุณจะได้ชมดอกไฮเดรนเยียมากกว่า 40 สายพันธุ์ในครั้งเดียว! สีสันที่หลากหลายของดอกไม้ทำให้วัดฮาเซเดระดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ดอกไฮเดรนเยียของวัดฮาเซเดระส่วนใหญ่จะปลูกอยู่บนเนินลาดของจุดชมวิว และจะมีทางเดินเล็กๆ ให้เราได้เดินเล่นชมความงามกันด้วยนะ เมื่อเดินขึ้นไปตามทางเดินบนเนินแล้วมองลงมา คุณจะเห็นทัศนียภาพของหาดยูอิกาฮามะ และเมืองคามาคุระได้อย่างเต็มตาเลย ขอบอกว่านี่ยังเป็นเส้นทางเดินที่ได้รับความนิยมมากๆ เลยนะคะ!
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)
■ ที่อยู่: 3-11-2 Hase, Kamakura-shi, Kanagawa 〒248-0016
■ การเดินทาง: เดิน 5 นาทีจากสถานี “ฮาเซเดระ” (長谷寺駅) รถไฟเอโนะชิมะเด็นเท็ตสึ (江之島電鉄) หรือ นั่งรถบัสจากสถานี JR คามาคุระ (JR鎌倉駅) ลงที่ป้าย “ฮาเซะคันนอน” (長谷観音) แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
03. คะนะงะวะ ฮาโกเนะออนเซ็น: สวรรค์แห่งการชมดอกไม้และแช่ออนเซ็น
สถานที่เราจะแนะนำถัดไปก็คือ ฮาโกเนะออนเซ็น แต่คุณรู้ไหมว่า ช่วงเวลาที่น้ำพุร้อนจะช่วยให้ผิวสวย และมีประสิทธิภาพดีที่สุดในเดือนไหน? ใช่ค่ะ นั้นก็คือเดือนมิถุนายนนี่แหละ! เมื่ออยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังออนเซ็นต่างๆ พอฝนตก กลิ่นอายและบรรยากาศก็จะเปลี่ยนไปทันที ที่นี้ให้ความรู้สึกที่พิเศษมากๆเลยค่ะ! จากนั้นลองนั่งรถไฟสายฮาโกเนะโทซังไปชมดอกไฮเดรนเยียตลอดสองข้างทางรถไฟ เชื่อว่าจะเป็นทิวทัศน์ที่งดงามสุดๆ ไปเลย วินาทีที่รถไฟลอดผ่านอุโมงค์ แล้วมองเห็นภาพสีสันสดใสที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ความคาดหวังกับการเดินทางที่เหลือของคุณพุ่งสูงขึ้นไปอีก! ถ้าคุณเลือกที่จะมามาฮาโกเนะล่ะก็ ที่นี่ยังใกล้กับโตเกียวอีกด้วย คุณสามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆเลยค่ะ หากใครที่วางแผนเที่ยวโตเกียวแบบอิสระในเดือนมิถุนายนแล้วเจอฝนตกจนรู้สึกเบื่อๆ แนะนำให้ลองจัดทริปหนึ่งวันมาแช่ออนเซ็นที่ฮาโกเนะดู รับรองว่าฟินแน่นอน!
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: ฮาโกเนะ (Hakone)
■ การเดินทาง: จากชินจูกุ โตเกียว สามารถนั่งรถบัสโอดะคิวฮาโกเนะโคโซคุ (小田急箱根高速バス) หรือรถไฟโอดะคิวโรแมนซ์คาร์ (小田急ロマンスカー)
04. คะนะงะวะ ฮาโกเนะ “สวนโกระ”: ดอกไฮเดรนเยียหลากสีในสวนสไตล์ฝรั่งเศส
สวนโกระที่ฮาโกเนะ ก่อตั้งขึ้นในปี 1914 เป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศสเก่าแก่ที่หาได้ยากในญี่ปุ่น ในช่วงกลางถึงปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี ภายในสวนจะมีการจัดเทศกาลดอกไฮเดรนเยียที่ยิ่งใหญ่ หากใครไปเที่ยวสวนโกระในช่วงนี้ จะได้พบกับดอกไฮเดรนเยียกว่า 50 สายพันธุ์บานสะพรั่ง อวดสีสันสวยงามละลานตา บางทีอาจจะได้เจอดอกไฮเดรนเยียพันธุ์สวยๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้นะ! นอกจากดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์ของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีไฮเดรนเยียพันธุ์ “แอนนาเบลล์” (Annabelle) ที่เป็นไฮเดรนเยียจากอเมริกาให้ชมอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยนะ! บรรยากาศในฤดูฝนแบบนี้ เหมาะกับการเดินเล่นชิลๆ ชมความงามของดอกไม้และทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์มากๆ
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: สวนโกระ (Gora Park)
■ ที่อยู่: 1300 Gora, Hakone, Ashigarashimo District, Kanagawa 〒250-0408
■ การเดินทาง: เดินประมาณ 1 นาที จากสถานี “โคเอ็นชิตะ” (公園下駅) รถเคเบิลคาร์ฮาโกเนะโทซัง (箱根登山ケーブルカー)
05. เกียวโต “วัดมิมุโระโทจิ”: วัดที่มีดอกไฮเดรนเยียนับหมื่นต้น
สถานที่ท่องเที่ยวต่อมาที่เราจะแนะนำคือ “วัดมิมุโระโทจิ” ในเกียวโตค่ะ ในเดือนมิถุนายนที่ดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่ง คุณสามารถเดินเล่นบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไฮเดรนเยีย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “วัดแห่งดอกไม้” (花の寺廟) แทนที่จะบอกว่าฝนตกแล้วจะทำให้ทัศนียภาพเสียไป กลับต้องบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่งดงามราวกับบทกวีเมื่อฝนตกต่างหากล่ะ! การได้เดินเล่นบนเส้นทางนี้จะทำให้รู้สึกถึงความหลังเก่าๆ บ้างไหมนะ? ในยามค่ำคืน เส้นทางที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟส่องสว่างดอกไฮเดรนเยีย ยิ่งชวนให้จินตนาการไปอีก
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: วัดมิมุโระโทจิ (Mimuroto-ji Temple)
■ ที่อยู่: 21 Shigatani, Todō, Uji, Kyoto 〒611-0013
■ การเดินทาง: เดิน 15 นาที จากสถานี “วัดมิมุโระโทจิ” (三室戸駅) รถไฟสายเคฮัน (京阪電車)
06. เกียวโต “วัดไซโฮจิ”: หนึ่งในวัดมอสที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
วัดไซโฮจิ (西芳寺) ในเกียวโต หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดมอส” นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศญี่ปุ่น! ภายในบริเวณวัดมีพื้นที่กว้างประมาณ 9,000 สึโบะ (ประมาณ 29,752 ตารางเมตร) และมีมอสมากกว่า 120 สายพันธุ์จากทั่วโลก! ทุกซอกทุกมุมของสวนจะถูกปกคลุมไปด้วยพรมมอสสีเขียวชอุ่มราวกับดินแดนในฝัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและได้รับการเยียวยาจิตใจโดยไม่รู้ตัวเลย! ฤดูฝนในเดือนมิถุนายนยิ่งเป็นช่วงที่มอสเจริญเติบโตได้ดีที่สุดอีก มอสสีเขียวสดใสที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำค้างจากสายฝน ยิ่งขับเน้นความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครออกมา สีเขียวของใบไม้และสีเขียวของมอสผสมผสานกันอย่างลงตัว ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ ใครที่อยากจะมาเยือนที่นี่ อย่าลืมจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการก่อนนะ ไม่อย่างนั้นอาจจะไปเสียเที่ยวได้นะคะ!
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: วัดไซโฮจิ (Saiho-ji Temple)
■ ที่อยู่: Matsuojingatanicho, Nishikyo, Kyoto 〒615-8286
■ การเดินทาง: เดิน 3 นาที จากป้ายรถบัส “โคเคเดระ” รถบัสเกียวโต (京都バス)
07. เกียวโต “วัดโฮโคะคุจิวัดยานากิดานิ คันนน”: วัด “ฮานะโจสุ” สุดฮิตในโซเชียล
วัดยานากิดานิ คันนน (柳谷観音) ตั้งอยู่ที่เมืองนางาโอกะเคียวในจังหวัดเกียวโต เป็นที่รู้จักกันในฐานะต้นกำเนิดของวัฒนธรรม “ฮานะโจสุ” (花手水) ค่ะ ฮานะโจสุคือการนำดอกไม้ตามฤดูกาลมาจัดตกแต่งในบ่อน้ำสำหรับล้างมือก่อนเข้าสักการะ (手水舎) และในช่วงการระบาดของโควิด-19 ภาพถ่ายฮานะโจสุของวัดยานากิดานิ คันนนกลับกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียของญี่ปุ่น และทำให้วัดอื่นๆ เริ่มทำตามกันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันนี้ ที่นี่ก็ยังคงเป็นจุดชมดอกไม้ยอดนิยมบน SNS ของญี่ปุ่น! ภายในวัดมีต้นไฮเดรนเยียประมาณ 5,000 ต้น เนื่องจากวัดตั้งอยู่บริเวณหุบเขา ทำให้ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานจะแตกต่างกันไปตามสภาพแสงแดด ดังนั้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้จึงมีประมาณหนึ่งเดือน อย่าลืมแวะไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆ กันนะคะ!
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: วัดยานากิดานิ คันนน (Yanagidani Kannon)
■ ที่อยู่: Donotani-2 Jododani, Nagaokakyo, Kyoto 〒617-0855
■ การเดินทาง: จากสถานี JR “นากาโอกะเคียว” (長岡京駅) นั่งรถบัสฮันคิว (阪急バス) ลงที่ป้าย “โอคุคาอินจิ” (奥海印寺) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 40 นาที
08. เกียวโต “ศาลเจ้าฟูจิโนโมริ”: สวนไฮเดรนเยียที่ไม่ต้องเบียดเสียด
ศาลเจ้าฟูจิโนะโมริ (藤森神社) มีประวัติอันยาวนาน สร้างขึ้นโดยจักรพรรดินีจิงกู เมื่อประมาณ 1,800 ปีที่แล้ว เป็นศาลเจ้าที่ชาวเมืองเกียวโตให้ความเคารพรักเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก จึงไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ผู้ที่มาสักการะส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องชัยชนะและบูชาเทพเจ้าแห่งม้า ดังนั้น ที่จุดล้างมือก่อนเข้าสักการะ จึงไม่ได้เป็นหัวมังกรพ่นน้ำเหมือนที่เห็นกันทั่วไป แต่เป็นหัวม้าพ่นน้ำแทน เมื่อถึงเดือนมิถุนายน “สวนไฮเดรนเยีย” ภายในศาลเจ้าจะเต็มไปด้วยดอกไฮเดรนเยียหลากสีและบ่อน้ำล้างมือก็จะกลายเป็น “ฮานะโจสุ” (花手水) ที่สวยงาม โดยมีดอกไฮเดรนเยียที่อวบอิ่มสวยงามลอยอยู่เต็มผิวน้ำ แนะนำให้เพื่อนๆ ลองเสียค่าเข้าชม “สวนไฮเดรนเยีย” 500 เยน แล้วเดินเล่นท่ามกลางดอกไฮเดรนเยียกว่า 3,500 ต้นที่สวยงามละลานตากัน
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: ศาลเจ้าฟูจิโนโมริ (Fujinomori Shrine)
■ ที่อยู่: 609 Fukakusa Toriizakicho, Fushimi Ward, Kyoto 〒612-0864
■ การเดินทาง: เดิน 5 นาที จากสถานี “ฟูจิโนโมริ” (藤森駅) รถไฟ JR สายนารา (JR奈良線)
09. เกียวโต “วัดซันเซ็นอิน”: วัดอันเงียบสงบงดงามที่เต็มไปด้วยมอส
วัดซันเซ็นอิน (三千院) ตั้งอยู่ในย่านโอฮาระของเมืองเกียวโต เป็นวัดโบราณที่มีประวัตยาวนานกว่าพันปี สร้างขึ้นในสมัยเฮอัน เมื่อก้าวเข้าไปในบริเวณวัด สิ่งแรกที่คุณจะเห็นก็คือมอสสีเขียวชอุ่มที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้การเดินเล่นชมทัศนียภาพอันเงียบสงบภายในวัดรู้สึกราวกับได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต และดื่มด่ำกับความงดงามจนลืมเวลาไปเลยค่ะ ภายในวัดมีสวนที่มีชื่อเสียงสองแห่งด้วยกัน สวนโฮเซ็นอิน และสวนจัคโคอิน สามารถเดินชมรอบๆ สวน หรือจะหาที่นั่งสบายๆ แล้วปล่อยใจไปกับทัศนียภาพของสวนตรงหน้าก็ได้ และในวันที่ฝนตก สวนจะถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอกบางๆ ยิ่งเพิ่มความงามที่น่าจดจำไม่รู้ลืมให้กับที่นี่
■ ชื่อสถานที่: วัดซันเซ็นอิน (Sanzen-in Temple)
■ ที่อยู่: 540 Ohararaikoincho, Sakyo Ward, Kyoto
■ การเดินทาง: จากสถานี JR เกียวโต (JR 京都駅) นั่งรถบัสเกียวโต (京都バス) สาย 17 ประมาณ 60 นาที ลงที่ป้ายรถบัสโอฮาระ (大原バス停) แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
10. อุทยานแห่งชาติโอเซะ: ทัศนียภาพธรรมชาติอันงดงามของทุ่งดอกมิซุบาโช
โอเซะ เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของสามจังหวัด กุมมะ นีงาตะ และฟุกุชิมะ พื้นที่แห่งนี้ได้รับการดูแลในฐานะอุทยานแห่งชาติ และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพอันงดงาม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางมาที่นี่ก็คือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายนนั้นเอง! ในฤดูใบไม้ผลิ ไม่เพียงแต่จะได้เห็นดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่งเท่านั้น แต่ในบางพื้นที่ยังมีโอกาสได้เห็นหิมะที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนยอดเขาอีกด้วย เป็นภาพที่หาชมได้ยากมากๆ เลยนะ!
และเมื่อพูดถึงไฮไลท์ของโอเซะในเดือนมิถุนายนแล้วล่ะก็ ต้องยกให้ “ดอกมิซุบาโช” เลยค่ะ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่พื้นที่ชุ่มน้ำโอเซะกาฮาระจะได้เห็นทุ่งดอกมิซุบาโชสีขาวบานพร้อมกันอย่างงดงาม เส้นทางที่สั้นที่สุดในการไปยังโอเซะกาฮาระคือการเข้าทาง ฮาโตมาจิโทเกะ ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านคาตาชินะจังหวัดกุมมะ เนื่องจากเส้นทางนี้มีการดูแลต้นไม้ริมทางเป็นอย่างดี จึงเดินง่ายกว่าเส้นทางอื่นๆ ขอแนะนำให้กับนักปีนเขามือใหม่ที่มาที่นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ! พอถึงช่วงกลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ที่บึงโอเซะนุมะ ซึ่งอยู่สูงกว่าที่ราบสูงโอเซะ ก็จะเริ่มมีดอกมิซุบาโชบานเช่นกันค่ะ หากต้องการไปยังบึงโอเซะนุมะ เส้นทางที่สั้นที่สุดคือการเริ่มเดินจาก นุมะยามะโทเกะในจังหวัดฟุกุชิมะ เส้นทางจากนุมะยามะโทเกะไปยังบึงโอเซะนุมะนั้นก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จึงเป็นเส้นทางเดินป่าที่เดินง่ายเช่นกันค่ะ!
ข้อมูลสถานที่
■ ชื่อสถานที่: อุทยานแห่งชาติโอเซะ (Oze National Park)
■ การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR สายโจเอ็ตสึชินคันเซ็น (JR上越新幹線) ไปลงที่สถานี “โจโมโคเก็น” (上毛高原駅) จากนั้นต่อรถบัสคันเอ็ตสึโคทสึ (関越交通) ไปยังศูนย์ข้อมูลเซโตคุระ (戸倉案内所) แล้วต่อรถบัสรับส่งไปยังฮาโตมาจิโทเกะ (鳩待峠)
เริ่มต้นการเดินทางสุดพิเศษในช่วงฤดูฝนกันเถอะ!
หลังจากแนะนำสถานที่ต่างๆ ไปกันแล้ว เริ่มอยากจะหนีจากความร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ไปเที่ยวชมดอกไม้และทิวทัศน์ธรรมชาติสุดโรแมนติกท่ามกลางสายฝนที่ญี่ปุ่นกันแล้วหรือยังคะ? สำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน ก่อนออกเดินทางอย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมนะ และอย่าลืมทาครีมกันแดด และตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงสภาพอากาศที่เกียวโต คามาคุระ ฮาโกเนะ และโอเซะด้วย จะได้มีทริปพักผ่อนสุดชิลล์ตามฝันนะ!
■ ซิมญี่ปุ่น|Docomo/ KDDI เน็ตไม่อั้น, ซิมเน็ตตามปริมาณ|ส่งในไทย
■ เช่า WiFi ญี่ปุ่น|4G เน็ตไม่อั้น|รับ-คืนที่สนามบิน
■ บัตร Hakone Freepass (2 วัน / 3 วัน)
■ บัตร Hakone Kamakura Pass (3 วัน)